GULF กำไรไตรมาส 3 โต 209% ที่ 3,360 ล้านบาท  โรงไฟฟ้าผลดำเนินงานดีขึ้น

GULF ไตรมาส 2 กำไรโต 88.5% ที่ 2,885 ล้านบาท ขายไฟเพิ่มขึ้น-CODโรงไฟฟ้าใหม่

GULF เซ็นขายไฟฟ้าให้ กฟภ. นาน 20 ปี มูลค่าโครงการ 3.6 พันล้านบาท

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566 มีรายได้รวมอยู่ที่ 30,674 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงาน เท่ากับ 4,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% จากในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ GULF มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาส 3 ปี 66 เท่ากับ 9,364 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับ 6,660 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 65

โดยกำไรสุทธิ (Net Profit) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 3 ปี 66 เท่ากับ 3,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 209% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินบาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าว เป็นเพียงการบันทึกรายการทางบัญชี และไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดและผลประกอบการของ GULF แต่อย่างใด

สำหรับการเติบโตดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากโครงการกัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าภายใต้กลุ่ม IPD ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์หน่วยที่ 1 กำลังการผลิตติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา

ประกอบกับโรงไฟฟ้า SPP 12 โครงการภายใต้กลุ่ม GMP และโรงไฟฟ้า SPP 7 โครงการภายใต้กลุ่ม GJP มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น จากการขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม เนื่องจากราคาค่าก๊าซเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลงขณะที่ค่า Ft เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 0.48 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในไตรมาส 3 ปี 65 เป็น 0.68 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในไตรมาส 3 ปี 66

นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้า IPP ได้แก่ โรงไฟฟ้า GNS GUT และ GSRC มีปริมาณการขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เพิ่มขึ้น

  • โรงไฟฟ้า GNS และ GUT ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าภายใต้กลุ่ม GJP มี Load Factor เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 8% ในไตรมาส 3 ปี 65 เป็น 21% ในไตรมาส 3 ปี 66
  • โรงไฟฟ้า GSRC ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าภายใต้กลุ่ม IPD มี Load Factor เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 21% ในไตรมาส 3 ปี 65 เป็น 79% ในไตรมาส 3 ปี 66

ส่วนกลุ่มโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในต่างประเทศยังมีผลประกอบการที่ดีขึ้น เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้า DIPWP ในประเทศโอมาน ได้มีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นจาก 52 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 3 ปี 65 เป็น 326 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ต้นปี 66 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ GULF สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจำนวน 174 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 306% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรับรู้ส่วนแบ่งกำไร จากโครงการโรงไฟฟ้า Jackson Generation ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 150 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 66 โดย GULF ได้เข้าลงทุนในโครงการดังกล่าวตั้งแต่เดือน ก.พ. 66 ที่ผ่านมา

ด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียน GULF รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 โครงการภายใต้กลุ่ม Gulf Gunkul Corporation จำนวน 235 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 205% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความเร็วลมเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจาก 4.8 เมตร/วินาที ในไตรมาส 3 ปี 65 เป็น 5.5 เมตร/วินาที ในไตรมาสนี้

ขณะที่ในไตรมาส 3 ปี 66 GULF ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก PTTNGD จำนวน 259 ล้านบาท ซึ่งพลิกจากขาดทุน 221 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 65 โดยมีสาเหตุมาจากอัตรากำไรขั้นต้นต่อหน่วยที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันเตาที่สูงขึ้นและค่าก๊าซธรรมชาติที่ลดลงในไตรมาสนี้ ซึ่งรายได้ของโครงการดังกล่าวจะผูกกับราคาน้ำมันเตา ในขณะที่ต้นทุนจะขึ้นอยู่กับราคาค่าก๊าซธรรมชาติ

นอกจากนี้ บริษัทยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไร จากโครงการบริหารจัดการท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อขนถ่ายสินค้าเหลว (Thai Tank Terminal) จำนวน 65 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ โดย GULF ได้เข้าลงทุนในโครงการดังกล่าวเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ในส่วนของ

สำหรับการลงทุนใน INTUCH บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไร จำนวน 1,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ AIS และกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในสัดส่วน 33.33% ในบริษัท แรบบิท-ไลน์เพย์ จำกัด

ณ วันที่ 30 ก.ย. 66 GULF มีสินทรัพย์รวม 476,710 ล้านบาท หนี้สินรวมเท่ากับ 332,454 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 144,256 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 1.70 เท่า ลดลงจาก 1.76 เท่า ณ วันที่ 30 มิ.ย.66 ซึ่งการลดลงดังกล่าวมาจากส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น

ด้าน เงินสดรายการเทียบเท่าเงินสด และเงินฝากสถาบันการเงินที่ใช้เป็นหลักประกัน เท่ากับ 58,151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.7% จากสิ้นปี 65

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 66 คาดว่ายังคงเติบโตตามเป้า แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าในรอบเดือน ก.ย. – เดือน ธ.ค.2566 ลงมาอยู่ที่ 3.99 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง

โดย ณ อัตราค่าไฟฟ้าดังกล่าว กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ของ GULF ยังสามารถสร้างผลประกอบการที่ดีกว่าในปี 65 เนื่องจากราคาก๊าซเฉลี่ยทั้งปีในปี 66 ต่ำกว่าปี 65 และค่า Ft เฉลี่ยปี 66 ที่สูงกว่าในปี 65 อีกทั้ง สัดส่วนของปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมมีเพียง 8% ของปริมาณการขายไฟฟ้าทั้งหมด GULF จึงไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว

นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี 66 โครงการต่าง ๆ ยังคงดำเนินไปตามแผน โดยโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ GPD หน่วยที่ 2 ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 662.5 เมกะวัตต์ ได้เปิดดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66 ในขณะที่ โครงการ Solar Rooftop ภายใต้ GULF1 มีแผนที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ให้ครบ 150 – 180 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้ ประกอบกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม BKR2 ที่ประเทศเยอรมนีได้ก้าวเข้าสู่ช่วง High Season ในไตรมาส 4

 GULF กำไรไตรมาส 3 โต 209% ที่ 3,360 ล้านบาท  โรงไฟฟ้าผลดำเนินงานดีขึ้น

ขณะที่แนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติ Henry Hub ที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้โครงการ Jackson Generation ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกามีผลกำไรที่ดีขึ้น สำหรับธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยภายใต้ Gulf Binance นั้น มีกำหนดเปิดให้บริการภายในเดือนพ.ย.66 ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นจะผลักดันให้กำไรของกลุ่ม GULF ในปี 66 เป็นไปตามเป้าหมาย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 2566

“เงินอุดหนุนบุตร” เช็กเงื่อนไขรับสิทธิ-ปฏิทินรับเงิน ที่นี่!

JKN ยื่นศาลล้มละลายกลาง ขอฟื้นฟูกิจการ แก้ปัญหาสภาพคล่อง

คปภ. ลงดาบ..! เพิกถอนใบอนุญาต ตัวแทนประกันชีวิต ขายข้อมูลลูกค้าให้มิจาฉาชีพ